บทที่ 4 เจรจาไม่สำเร็จ

หยางเทียนฉีที่ลูกชายไปตามถึงทุ่งนาพอรู้เรื่องเขารีบวิ่งกลับมาบ้านเพื่อดูอาการของลูกสะใภ้ทันที ลูกชายเขาก็บาดเจ็บสาหัสไปแล้วคนหนึ่ง ครั้งนี้ลูกสะใภ้ยังมาบาดเจ็บอีกทำไมถึงได้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นกับครอบครัวของเขากัน

“ฉีหลินเป็นอย่างไรบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่พวกเจ้าพูดมาให้หมด วันนี้พวกเจ้าสองคนขึ้นเขาไปกับพี่สะใภ้ไม่ใช่หรือเหตุใดนางจึงตกลงไปในร่องเขาได้”

“เพราะสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองบ้านท่านลุงแย่งโสมที่พี่สะใภ้หาเจอและผลักนางตกลงไปในร่องเขาขอรับ ข้าวิ่งมาทันตอนที่พี่สะใภ้กำลังกลิ้งตกร่องเขาพอดี ”

“มันจะเกินไปแล้ว ตอนที่ลูกใหญ่บาดเจ็บกลับมาจากรับจ้างในเมืองเงินค่าชดเชยพี่สะใภ้ก็เอาไปเข้าส่วนกลางจนหมดไม่ยอมจ่ายค่าหมอ ครั้งนี้ลูกสะใภ้ของนางยังมาแย่งของของคนอื่นอีก”

“ท่านพี่เจ้าคะ ท่านจะทนอยู่แบบนี้อีกนานเท่าไหร่ ท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็ตายไปนานแล้วคำสั่งเสียให้พวกท่านพี่น้องอยู่อย่างรักใคร่ปรองดองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ท่านดูสิ่งที่ครอบครัวพี่ชายท่านทำกับพวกเรา ส่วนแบ่งข้าวและธัญพืชแทบจะไม่พอกิน ท่านดูลูก ๆ ของเราอายุเพียงเท่านี้กลับต้องมาทำงานอย่างหนักแล้วท่านดูลูกสาวของพี่ชายท่านอายุตั้งเท่าไหร่ งานหนักงานเบานางไม่เคยทำเลยสักอย่าง หากว่าเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไปข้าเองก็รับไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”

“ข้าจะไปพูดกับพี่ใหญ่ครั้งนี้มันเกินไปจริง ๆ พวกนางต้องรับผิดชอบ”

“ท่านปู่ ท่านย่า ขอรับ ท่านแม่จะตื่นขึ้นมาหรือไม่ขอรับ "

“อย่าห่วงเลย พวกเจ้าพี่น้องไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อเจ้าเถอะ ท่านหมอบอกว่าให้แม่ของเจ้านอนพักมาก ๆ นางก็จะหายแล้ว”

“ขอรับ ท่านย่า”

หลังจากที่ได้รู้สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นหยางเทียนฉีเดินไปบ้านใหญ่ทันที เพื่อพูดคุยกับพี่ชายในเรื่องที่เกิดขึ้นและทวงถามโสมที่ลูกสะใภ้ของเขาถูกแย่งไป

“พี่ใหญ่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านและพี่สะใภ้ขอรับ”

“น้องรองเจ้ามีเรื่องอะไรเช่นนั้นหรือ”

“เรื่องของลูกสะใภ้ข้า และโสมของนาง ท่านคืนของมาให้ข้าและข้าขอเบิกเงินส่วนกลางเพื่อนำมาจ่ายค่ารักษาให้ลูกสะใภ้ข้า ในเมื่อลูกสะใภ้ของท่านผลักลูกสะใภ้ของข้าตกร่องเขาจนนางได้รับบาดเจ็บพวกท่านจะรับผิดชอบอย่างไร”

“รับผิดชอบ รับผิดชอบอะไร น้องรองทำไมพูดจาแบบนี้พวกเราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครผลักลูกสะใภ้เจ้า นางลื่นตกลงไปเองลูกสะใภ้ของข้าพยายามดึงนางแล้วแต่ไม่สามารถดึงนางเอาไว้ได้ต่างหาก” นางหลินพูดออกมา

“พี่สะใภ้ ลูกชายและลูกสาวของข้าเห็นกับตาว่าลูกสะใภ้ท่านผลักนางและแย่งโสมของนางด้วย เรื่องนี้ท่านจะว่าอย่างไร”

“โสมอะไร โสมนั่นสะใภ้ของข้าเป็นคนหาเจอ ลูกสะใภ้ของเจ้านั่นล่ะที่มายื้อแย่งเอง แย่งของไม่สำเร็จแล้วยังจะมาใส่ร้ายคนอื่นอึกรึ”

“หากว่าท่านยังไม่ยอมรับข้าจะไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านให้แจ้งทางการ ข้าทนพวกท่านมานานแล้ว พี่ใหญ่ท่านจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ”

“น้องรอง เราเป็นครอบครัวเดียวกันเรื่องแค่นิด ๆ หน่อย ๆ เจ้าจะเก็บมาใส่ใจทำไม เอาล่ะไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้วกลับไปทำงานในนาเถอะส่วนค่าหมอเจ้าก็รู้นี่ครอบครัวเราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นจะเอาที่ไหนมาจ่ายค่ารักษา ลูกชายเจ้าก็ป่วยทำงานไม่ได้ตอนนี้ลูกสะใภ้เจ้าก็บาดเจ็บ มีแต่เรื่องใช้เงินทั้งนั้น”

“นี่คือสิ่งที่คนในครอบครัวเขาทำกันรึ ข้าว่าพวกท่านเห็นแก่ตัวมากกว่าล่ะมัง ตกลงท่านจะคืนโสมและจะจ่ายค่าหมอหรือไม่”

“โอ้ สวรรค์ทำไมครอบครัวของข้าถึงได้เลี้ยงหมาป่าตาขาวเอาไว้ นอกจากจะไม่กตัญญูแล้วยังมาขู่เข็ญอีก ทำไมชีวิตข้าช่างน่าอดสูยิ่งนัก” นางหลินเริ่มร้องไห้โวยวาย

“น้องรองข้าว่าเจ้ารอถามลูกสะใภ้ของเจ้าก่อนดีกว่าไหม หากว่านางแย่งโสมจากลูกสะใภ้ของข้าข้าจะไม่เอาความให้นางมาขอโทษจากนั้นก็ให้แล้วกันไป ไม่ใช่เจ้าจะมาพูดว่าลูกสะใภ้ของข้าไปแย่งของจากลูกสะใภ้ของเจ้า”

“พี่ใหญ่นี่ท่านก็เป็นไปด้วยกับพี่สะใภ้เช่นนั้นหรือ ท่านยังเห็นข้าเป็นน้องชายอยู่หรือไม่ ที่ผ่านมาข้ายอมพวกท่านมาเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้มันเกินที่ข้าจะรับไหวจริง ๆ”

“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องมาพูดจาไร้สาระอะไรอีก ข้าไม่มีเงินให้ ส่วนโสมข้าก็ไม่คืนเพราะลูกสะใภ้ทั้งสองคนบอกว่าพวกนางขุดได้ ส่วนลูกชายลูกสาวเจ้าก็เป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะเท่านั้น หากเจ้าไม่พอใจก็ไปฟ้องร้องเอาสิ”

เมื่อเห็นว่าพูดคุยกันแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไรหยางเทียนฉีเดินกลับบ้านของตัวเองไปด้วยความไม่พอใจและโมโหพี่ชายของตัวเองเป็นอย่างมาก เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านเขาจึงได้มองเห็นสภาพของลูกเมียแต่ละคนผอมแห้ง อาหารแทบจะไม่พอกินเงินส่วนแบ่งอันน้อยนิด จากที่เขาไม่เคยมีความคิดที่จะแยกบ้านตอนนี้เขาเริ่มมีความคิดขึ้นมาทันที

ไม่รู้เขาจะพาลูกเมียอดทนกับสภาพแบบนี้ไปทำไม แต่ถ้าแยกบ้านในตอนนี้ด้วยนิสัยเห็นแก่ตัวของคนบ้านสายหลักย่อมต้องไม่มีทางให้อะไรพวกเขาแน่ ๆ อาการบาดเจ็บของลูกชายยังไม่ดีขึ้น คงต้องรอให้ลูกสะใภ้หายดีก่อนเขาค่อยมาพูดเรื่องแยกบ้านอีกทีถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรเลยเขาก็ยินดีที่จะพาครอบครัวออกไปจากที่นี่

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บ้านนั้นว่าอย่างไรบ้าง”

“คนเห็นแก่ตัวพวกนั้น มีหรือจะยอมรับผิดและคืนของ ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะเป็นเพราะข้าพวกเจ้าถึงต้องมาลำบากเช่นนี้ รออาการของลูกสะใภ้ดีขึ้นข้าจะไปคุยเรื่องแยกบ้านกับพี่ใหญ่”

“เรื่องนี้ต้องปรึกษาทุกคนก่อนใช่ว่าข้าจะไม่อยากแยกบ้านแต่เราไม่มีเงินในมือ ด้วยนิสัยของคนบ้านนั้นมีหรือจะยอมแบ่งอะไรให้เรา รอให้ฉีหลินหายดีก่อนค่อยว่ากันเจ้าค่ะ ตอนนี้งานในนาก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้วข้าว่าท่านพี่พาลูกรองเข้าป่าไปสักรอบหาของป่าไปขายเพื่อสะสมเงินเอาไว้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากเราแยกบ้านออกไปแต่ตัวเช่นนี้ข้ากลัวว่าจะพากันหนาวตายหรือไม่ก็อดตายไปเสียก่อน”

“ได้ ถ้าข้าล่าสัตว์ได้จะเอาเข้าเมืองไปขายเลยไม่เอากลับมาบ้านก่อน หากพี่สะใภ้รู้เข้าคงได้มายึดเอาเงินไปหมดอีกเช่นเคย”

“โชคยังดีที่ฉีหลินไม่เป็นไรมาก ข้าไปทำอาหารก่อนนะเจ้าคะ ยังจะต้องต้มยาให้ลูกใหญ่อีกอาการไม่ดีขึ้นเลย”

เช้าวันต่อมาฉีหลินตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงเพราะยังมีอาการปวดหัวอยู่นิดหน่อยหลังจากที่นางตื่นมากลางดึกนางก็เอาน้ำพุวิญญาณในมิติมาจิบเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เลยทำให้เช้านี้บาดแผลของนางดีขึ้นมาก

“ท่านแม่ท่านตื่นแล้ว พวกข้าดีใจมากเลย ”

“เฉิงเอ๋อร์ เจี้ยนเอ๋อร์ กินข้าวหรือยังลูก”

“กินแล้วขอรับท่านแม่ ท่านย่าทำข้าวต้มให้กิน ท่านแม่หิวหรือยังขอรับข้าจะไปยกข้าวต้มมาให้นะขอรับ”

“แม่ยังไม่หิว แล้วท่านพ่อของพวกเจ้ากินหรือยัง ”

“ท่านย่ากำลังป้อนโจ๊กให้ท่านพ่ออยู่ขอรับ”

“เช่นนั้นลูกออกไปเล่นกับอาเล็กก่อนนะแม่ขอล้างหน้าล้างตาเสียก่อน”

“ขอรับท่านแม่”

หลังจากลูก ๆ ออกไปแล้วฉีหลินลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาและเดินออกจากห้องไปทันที นางเดินตรงไปยังห้องที่ให้สามีนอนรักษาตัวอยู่เห็นแม่สามีกำลังป้อนข้าวป้อนน้ำให้สามีของนาง พลันในอกก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีเหมือนมีใครควักหัวใจนางออกมา

ฉีหลินพูดกับตัวเองด้วยเสียงอันแผ่วเบา “เจ้าพวกคนชั่วช้าข้ามาแล้ว ต่อไปนี้ข้าหวังฉีหลินคนนี้จะตอบแทนพวกเจ้าให้สาสมแล้วอย่าหาว่าข้าร้ายก็แล้วกัน”

“ลูกสะใภ้เจ้าลุกขึ้นมาทำไม ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วง ข้าเกือบจะหายดีแล้วเจ้าค่ะ”

“ถึงอย่างไรเจ้าควรจะนอนพักให้มากกว่านี้ เป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง พ่อขอโทษเจ้าด้วยนะ”

“ท่านพ่อไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ หากจะมีใครผิดก็คนพวกนั้น แต่ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยอมถูกรังแกอีกแล้ว ข้าไม่ใช่หวังฉีหลินคนเดิมแล้ว หวังฉีหลินคนเดิมได้ตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน”

“ละ.. ลูกสะใภ้เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานน่ะ”

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ตอนที่พวกนางผลักข้าลงร่องเขา ข้าได้สาบานเอาไว้ว่าถ้าหากข้ารอดกลับมาข้าจะไม่อ่อนแออีกต่อไปแล้ว ข้าอยากให้ท่านพ่อแยกบ้านเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้พ่อก็พูดกับแม่ของเจ้าแล้ว ในเมื่อรังแกกันขนาดนี้ เห็นทีจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ข้ายอมให้พวกเขารังแกต่อไปไม่ไหวจริง ๆ แต่ตอนนี้ในมือพวกเราไม่มีเงินอยู่เลยพ่อเกรงว่าจะลำบากในหน้าหนาวหากเราไม่มีที่อยู่อาศัยที่ดี คงต้องให้ผ่านหน้าหนาวไปเสียก่อนอดทนอีกนิดนะ"

“ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าจะเข้าป่าเพื่อหาของป่าอาจจะได้อะไรนำไปขายแต่ข้าจะไม่ยอมส่งเงินเข้าส่วนกลางทั้งหมดหรอกนะเจ้าคะ”

“อืม พ่อเองก็เห็นด้วยเราคงต้องเตรียมตัวกันสักพัก เฟยเทียนเองอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“ท่านพ่ออย่าได้เป็นห่วงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะเจ้าค่ะ”

ฉีหลินเองแม้ในมือจะมีเงินอยู่ไม่น้อยแต่ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ในตอนนี้ อีกอย่างความลับเรื่องมิตินางเองยังไม่กล้าที่จะบอกใครเช่นเดียวกันคงต้องรอให้แยกบ้านก่อน ที่พอจะทำได้ตอนนี้คือรักษาอาการบาดเจ็บของสามีให้พอทุเลาไปก่อน

หากว่ารักษาให้หายขาดเลยทีเดียวนางกลัวว่าจะเป็นที่สงสัยของคนอื่น ตอนนี้เพียงแค่ให้สามีของนางดื่มน้ำผสมน้ำพุวิญญาณแบบเจือจางไปก่อน

ฉีหลินเดินเข้าไปหาสามีของนางพร้อมกับแก้วน้ำในมือ จะพูดว่าไม่เขินเลยก็ไม่ใช่ถึงแม้นางจะรู้ว่าร่างกายนี้เป็นของนางตั้งแต่ทีแรก แต่นางก็อดจะเขินไม่ได้อยู่ดี สามีช่างหล่อเหลาเสียจริงขนาดป่วยติดเตียงยังไม่อาจปกปิดความหล่อเอาไว้ได้เลย

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะวันนี้”

“น้องหญิง เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ ยังเจ็บอยู่หรือไม่พี่ขอโทษที่ไม่สามารถดูแลเจ้ากับลูกได้”

“ท่านพี่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ”

“ขอบใจนะน้องหญิง”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจ ท่านพี่พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะออกไปดูลูก ๆ เสียหน่อย"

“อืมเจ้าไปเถอะ”

หลังจากดูแลสามีให้ดื่มน้ำผสมน้ำพุวิญญาณแล้วฉีหลินยังเอาน้ำพุวิญญาณออกมาผสมกับน้ำในถังสำหรับทำอาหารและโอ่งน้ำหลังบ้านอีกด้วย จากนั้นนางจึงเดินไปหาแม่สามีและลูก ๆ ของนาง

“ฉีหลินไม่นอนต่ออีกหน่อยหรือ เจ้าลุกมาทำไม”

“ท่านแม่น้องรองกับน้องเล็กไปที่ไหนหรือเจ้าคะ”

“น้องรองเข้าป่ากับพ่อของเจ้า ส่วนน้องเล็กไปซักผ้าที่ลำธาร”

“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยน้องเล็กนะเจ้าคะ”

ฉีหลินเดินออกจากบ้านตรงไปยังลำธารที่ชาวบ้านมักมาซักผ้าทันที นางคิดในใจว่าหากเจอสะใภ้บ้านสายหลักวันนี้นางจะต้องสั่งสอนเสียหน่อยอย่าคิดว่าจะมารังแกกันได้เหมือนเมื่อก่อน นางมุ่งหน้าเดินไปด้วยใจที่มุ่งหวังว่าขอให้คนบ้านนั้นมาซักผ้าด้วยเถอะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป